ญิ๋ง เก๋ ข๊ะ

หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ภาษาไทย

ภาษาไทย


     เนื่องจากวิชาภาษาไทยมีเนื้อหาในการศึกษาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับประโยคต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำรายงานหรือการเขียนจดหมาย การอภิปราย แม้กระทั้งการศึกษาเกี่ยวกับสำนวนไทย วรรณคดี ร้อยแก้ว ร้อยกรอง และเรื่องสั้นต่าง ๆ ดังนั้นวิชาภาษาไทยจึงเป็นอีกวิชาหนึ่งที่มีความสำคัญและมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และวิชาภาษาไทยยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของคนเราอีกด้วย




 ลักษณะสำนวนไทย


ข้อความที่เป็นสำนวนไทยมีลักษณะดังนี้ คือ
                                                                                                                                                 1. มีความหมายโดยนัย คือความหมายม่ตรงตัวตามความหมายโดยอรรถ พูดอย่างหนึ่งม ีความหมายอีกอย่างหนึ่ง เช่น
กินปูนร้อนท้อง - รู้สึกเดือดร้อนเพราะมีความผิดอยู่

ขนทรายเข้าวัด - ร่วมมือร่วมใจกันทำบุญ
ฤษีเลี้ยงลิง - เลี้ยงเด็กซุกซน เป็นต้น


     2. ใช้ถ้อยคำกินความมาก การใช้ถ้อยคำในสำนวนส่วนใหญ่เข้าลักษณะใช้คำน้อยกินความมาก เนื้อความมีความหมายเด่น เช่น ก่อหวอด ขึ้นคาน คว่ำบาตร ขมิ้นกับปูน คมในฝัก กิ้งก่าได ้ทอง ใกล้เกลือกินด่าง เด็ดบัวไว้ใย ซึ่งล้วนมีความหมายอธิบายได้ยืดยาว ส่วนที่ใช้ถ้อยคำหลายคำ แต่ละคำก็ล้วนมีความหมายและช่วยให้ได้ความกระจ่างชัดเจน


     3. ถ้อยคำมีความไพเราะ การใช้ถ้อยคำในสำนวนไทยมักใช้ถ้อยคำสละสลวยมีสัมผัสคล้องจอง เน้นการเล่นเสียงสัมผัสสระ สัมผัสอักษร ให้เสียงกระทบกระทั่งกัน เกิดความไพระน่าฟังทั้ง สัมผัสภายในวรรคและระหว่างวรรค มีการจัดจังหวะคำหลายรูปแบบ เช่น เป็นกลุ่มคำซ้อน 4 คำ อย่าง ก่อกรรมทำเข็ญ ก่อร่างสร้างตัว คู่ผัวตัวเมีย คู่เรียงเคียงหมอน คำซ้อน 6 คำ เช่น ขิงก็ราข่าก็แรง ขี้ก้อนใหญ่ให้เด็กเห็น ยุให้รำตำให้รั่ว ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง คำซ้อน 8 คำ หรือมากกว่าบ้าง เช่น ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง กำแพงมีหูประตูมีตา เป็นต้น


ลักษณะสัมผัสคล้องจองเป็นร้อยกรองง่ายๆ หลายรูปแบบ มีทั้งคล้องจองกันในข้อความตอน เดียว เช่น ตื่นก่อนนอนหลัง ต้อนรับขับสู้ ผูกรักสมัครใคร่ โอภาปราศรัย และคล้องจองในข้อ ความที่เป็น 2 ตอน ซึ่งมีอยู่จำนวนมากและในข้อความมากกว่า 2 ตอน เช่น น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ อย่าไว่ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง เป็นต้น




     4. สำนวนไทยมักมีการเปรียบเปรย หรือมีประวัติที่มา ส่วนใหญ่มาจากการเปรียบเทียบกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ประเพณี ศาสนา นิยาย นิทานต่างๆ กิริยาอาการ และส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตัวอย่างเช่น กลับหน้ามือเป็นหลังมือ นอนตาไม่หลับ ใจดีสู้เสือ กินไข่ขวัญ ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เป็นต้น















http://...www.hotmail.com


http://...www.eotoday.com


http://...www.madoo.com

13 ความคิดเห็น:

  1. อุ๊ย แลดูย้อนกลับไปอนุบาลไปหน่อยน่ะแก

    แต่ก็สวยดีๆๆๆๆ

    ว่าจะโหลดไปให้หลานที่บ้านดูอ่ะ อิอิ

    ตอบลบ
  2. เด็กเอ๋ยเด้กดี

    ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน

    ตอบลบ
  3. บล็อกนี้ดูสบายตา จัง อ่ะ

    ว่าก่อ

    ตอบลบ
  4. อ ะ ห ยั ง ล้ำ เ ห ลื อ นิ !!

    ต๋ า ล า ย . . .

    ตอบลบ
  5. สวย ดี น่ะ

    เจ้า ของ น่ะ

    หุหุ

    ตอบลบ
  6. แสบ ต๋า

    จะ เคร่ง ไป ไหน เจ้

    ตอบลบ
  7. อะโด่ เอาไว สอน ลูก

    ดี กว่า ไหม นิ อิ อิ

    ตอบลบ
  8. น่ารัก ๆ ๆ ๆ เหมือนคนทำเลย อิอิ เเวะมาทักทายจ้า

    ตอบลบ
  9. แสบตามากมายจ้า

    แหะๆๆ

    ตอบลบ
  10. งามๆๆๆ



    ล่ะคุงน้อง

    ตอบลบ